รูปของรัฐและรูปแบบของประมุขของรัฐ
รูปของรัฐ1. รูปของรัฐตามตำรารัฐศาสตร์ จำแนกได้ 3 รูปแบบ คือ
- รัฐเดี่ยว (Unitary State) (3) รัฐรวมหลายรัฐ (Federation)
- รัฐรวมสองรัฐ (Union)
3. รัฐรวมสองรัฐ คือ รัฐซึ่งมารวมเข้าด้วยกันสองรัฐ โดยมีประมุขร่วมกันหรือโดยการใช้อำนาจภายนอกร่วมกัน แต่ใช้อำนาจภายในแยกจากกัน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
- รัฐรวมที่มีประมุขร่วมกัน (Personal Union) ปัจจุบันรัฐแบบนี้ไม่มีแล้ว
- รัฐรวมที่ใช้อำนาจภายนอกร่วมกัน ปัจจุบันรัฐแบบนี้ไม่มีแล้ว
- สมาพันธรัฐ (Confederation) ปัจจุบันไม่มีรัฐแบบนี้แล้ว
- สหรัฐ (United States) เช่น สหรัฐอเมริกา สหรัฐอาหรับเอมิเรต
6. รูปของรัฐแบบใหม่ เช่น สหรัฐอเมริกา นั้น ต่อมาได้กลายเป็นแม่แบบให้แก่ประเทศต่างๆ เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมัน อินเดีย มาเลเซีย
7. การกำหนดรูปแบบสหรัฐทำได้โดยการแบ่งอำนาจรัฐบาลออกเป็น 2 ส่วน กล่าวคือ
- อำนาจของรัฐบาลกลางหรือรัฐบาลแห่งชาติ (Federal Government)
- อำนาจของรัฐบาลแห่งมลรัฐ (State Government)
1. รัฐธรรมนูญไทยบัญญัติเสมอว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้” ข้อความนี้แสดงให้เห็นถึงสาระสำคัญ 2 ประการ คือ
- ประเทศไทยเป็นรัฐเดี่ยว
- ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักร
- ในประมวลกฎหมายอาญา หมายถึง ดินแดนที่เป็นของประเทศไทยทั้งหมด
- ในทางรัฐธรรมนูญ หมายถึง รัฐซึ่งมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
- สหราชอาณาจักร (United Kingdom) ซึ่งประกอบด้วย บริเตนใหญ่ (Great Britain) ได้แก่ อังกฤษ สกอตแลนด์ เวลล์ และไอร์แลนด์
- ราชอาณาจักร (Kingdom) ซึ่งมีดินแดนเดียวกันตลอด เช่น ราชอาณาจักรไทย
1. รูปแบบของประมุขของรัฐ ซึ่งประเทศต่างๆ นิยมใช้ในปัจจุบันมี 2 รูปแบบ คือ
- ประมุขของรัฐแบบประธานาธิบดี
- ประมุขของรัฐแบบพระมหากษัตริย์
- ประธานาธิบดีในฐานะที่เป็นประมุขของรัฐ และประมุขของฝ่ายบริหาร
- เป็นประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้ง ทำหน้าที่ทั้งประมุขของรัฐและประมุขฝ่ายบริหาร
- รับผิดชอบโดยตรงต่อประชาชน เพราะได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชน
- รัฐมนตรีที่ประธานาธิบดีแต่งตั้งเป็นเสมือนที่ปรึกษาและรับผิดชอบโดยตรงต่อประธานาธิบดี
- เป็นการแบ่งแยกอำนาจค่อนข้างเคร่งครัด กล่าวคือ รัฐสภาไม่อาจควบคุมการบริหารของ ประธานาธิบดี ขณะเดียวกันประธานาธิบดีไม่อาจยุบสภาได้เช่นกัน
- เป็นการปกครองที่มีระบบการคานและดุล (Check and Balance)
- การปกครองระบอบนี้มีตัวอย่างในประเทศสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อาร์เจนตินา อินโดนีเซีย - ประธานาธิบดีในฐานะที่เป็นประมุขของรัฐ โดยมิได้เป็นประมุขของฝ่ายบริหาร
- เป็นประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้ง มีฐานะประมุขของรัฐคล้ายพระมหากษัตริย์
- ไม่ต้องมีความรับผิดชอบทางการเมือง
- มีนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นประมุขฝ่ายบริหาร และคณะรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบในการบริหาร ราชการแผ่นดิน
- การปกครองระบอบนี้มีตัวอย่างในประเทศอินเดีย สิงคโปร์ เยอรมัน - ประธานาธิบดีในฐานะประมุขของรัฐ ซึ่งร่วมกันบริหารราชการแผ่นดินกับนายกรัฐมนตรี
- ประธานาธิบดีเป็นประธานในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
- เป็นผู้กำหนดนโยบายต่างประเทศ และนโยบายทางการเมือง
- พระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (Absolute Monarchy)
- ทรงเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์
- ทรงใช้อำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการได้โดยลำพังพระองค์
- พระบรมราชวินิจฉัยของพระมหากษัตริย์เป็นที่สุด - พระมหากษัตริย์ในระบอบปรมิตาญาสิทธิราชย์ (Limited Monarchy)
- พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจทุกประการ แต่ถูกจำกัดโดยบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
- อำนาจบริหารเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์
- การพิจารณาพิพากษาคดีเป็นอำนาจของผู้พิพากษา
- การปกครองระบอบนี้มีตัวอย่างในประเทศเอธิโอเปีย สมัยพระจักรพรรดิไฮเลเซลาสซี ประเทศญี่ปุ่น ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง และประเทศซาอุดีอาระเบีย - พระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ (Constitutional Monarchy)
- มีในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
- ทรงเป็นพระประมุขของประเทศเท่านั้น
- ไม่ได้เป็นประมุขฝ่ายบริหาร เพราะมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาลอยู่แล้ว
- การปกครองระบอบนี้มีตัวอย่างในประเทศไทย ประเทศอังกฤษ ประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบัน
- ฝ่ายที่เห็นว่ารูปแบบประมุขแบบประธานาธิบดีน่าจะดีกว่า โดยให้เหตุผลว่า
- ประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ย่อมเข้าใจความต้องการของประชาชนอย่าง แท้จริง
- หากประธานาธิบดีปฏิบัติไม่เหมาะสมก็มีทางแก้ไขโดยวิธีไม่เลือกตั้งให้เป็นอีกต่อไป - ฝ่ายที่เห็นว่ารูปแบบพระมหากษัตริย์น่าจะดีกว่า โดยให้เหตุผลว่า
- พระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่มาแห่งเกียรติศักดิ์
- พระมหากษัตริย์ทรงเป็นกลางในทางการเมือง
- พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขถาวร
- พระมหากษัตริย์ทรงเป็นศูนย์รวมแห่งความเป็นชาติ และความสามัคคีของคนในชาติ
- ปราบดาภิเษก เป็นการครองราชสมบัติโดยวิธียกตนขึ้นเป็นกษัตริย์
- การสืบราชสมบัติ เป็นการขึ้นครองราชสมบัติสืบต่อจากพระราชบรรพบุรุษ
- การสืบราชสมบัติโดยความเห็นชอบจากรัฐสภา เป็นการขึ้นครองราชสมบัติต่อจากบรรพบุรุษ แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา
- การครองราชสมบัติโดยวิธีเลือกตั้งระหว่างผู้มีสิทธิ เช่น การขึ้นครองราชสมบัติในมาเลเซีย
- ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
- มีกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ.2467 ซึ่งถือเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับหนึ่ง
- กรณีที่ราชบัลลังค์ว่างลง หรือพระมหากษัตริย์ไม่ได้ประทับอยู่ในราชอาณาจักร หรือทรงบริหาร พระราชภาระไม่ได้ เช่น ทรงผนวช ต้องมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
- พระมหากษัตริย์ทรงเลือกและแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่เกิน 15 คน ประกอบเป็นองคมนตรี มีหน้าที่ถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ในพระราชกรณียกิจทั้งปวง
- พระมหากษัตริย์ไม่ต้องทรงรับผิดชอบทางการเมือง จึงต้องมีผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
- พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นผลให้ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักร
- พระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย
- พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ แต่ก็ทรงอยู่เหนือกฎหมายในลำดับรองลงมาโดยอัตโนมัติ
- พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น